A Waltz for a Night

Dunno what happened to my thai font. Actually i saw it when i first put this up, but didnt have time to edit it. Anyway, i will talk about it agian tonite.

It was about the movie, Before Sunset, which i used to see it last year. I dont remember the detail of the story, but i do remember the impression i got from the movie and fell in love with the song Celine (the main charactor who is not Ethan Hwak–Julie Delpy) sang for Jessy (Ethan Hwak). It's called A waltz for a Night, a song about one night stand. After listening the song (almost at the end of the movie), i felt like i met an old friend, whom i once forgot. Old good feeling was coming through.

It's so romantic that the thing happened in one single night but the feeling has lasted for years.


Before Sunset was in a good way, while another movie, Dek Hor, which i saw on Saturday was on the other side. It's about lives that got stuck in a sad moment that ones created by ones' selves. So everything in their lives is like repeat itself, in a bad way. Like a turn table that cant get out of the crack on the record. It keeps playing the only part that cracks and it also lasts for years. Even the real sad moment actually happened for minutes. How sad that many people keep putting themselves in the hole of sadness/ pool of sorrow (where i often sink meself into---less than ever though.)

Just let it go, and get to know it. Observe it closely and you will know how to skip the track that's scratched or fly over the pool.


p.s.

Before Sunset was the story 9 years later after Before Sunrise
http://www.imdb.com/title/tt0381681/

Dek Hor was directed by p' Yong 29 (one of Fan Chun team)
http://www.dekhor.com

Night for the New Love

ตลกดีเมื่อวานยังมัวคิดถึงรักที่ผ่านพ้นไปอยู่แหมบๆ วันนี้กลับได้ไปเดทกับน้องเพื่อน ได้อีกอารมณ์ดีว่ะ กุ๊กกิ๊กๆ ผสมธรรมะ (เมื่อวานคุยเรื่องการเมืองเสียมาก) เป็นอีกแบบที่ไม่ได้เจอมานาน และทำให้รู้สึกว่า ส่วนหนึ่งของเราที่เรียกว่าความรัก ยังมีตัวตนอยู่กับเราดี ไม่ได้หายไปไหน

อาทิตย์นี้บทสนทนาในชีวิตเลยจมจ่อมอยู่กับแต่เรื่องความรัก แลกเปลี่ยนทัศนะคติ ประสบการณ์ และแนวคิดความรู้สึก โคตรชอบ---เพราะไม่อยากจะเอาเวลาแม้สักน้อยนิด ไปคิดเรื่องงานที่ทำค้างอยู่

เฮ้อ พรุ่งนี้วันจันทร์แล้ว

Day for the Past Love

เพลง อยากรู้ ของ 4gotten ที่พี่ปีเตอร์ ร้องไว้กระแทกใจว่า

"กลับมาเจอจะเป็นยังไง อยากกอดฉันไหม
อยากคุยอะไร คิดถึงกันหรือเปล่า
อยากรู้ว่าเธอ เปลี่ยนไปมากมาย แต่ไหน"
เข้ามาวนเวียนในหัวเมื่อคืนก่อน

เพลงมันจบแนวๆ ว่า อยากเจออีกครั้ง เราจากกันนานเหลือเกิน
----------

เพิ่งรู้ว่ามันนานมากว่ะ จนลืมไปแล้วว่าเราเคยจากกันอย่างไร ลืมไปแล้วว่ามันเจ็บช้ำไหม ออกจะเลือนๆ ว่าเราเคยรักกันอย่างไร รู้ชัดแค่เพียงว่า ในชีวิตประจำวันของเราทั้งสองคน ต่างไม่มีกันมานานเหลือเกิน นานๆ จะหยิบความทรงจำที่เคยมีกัน มานึกๆ ถึง เล่นๆ

แล้ววันนี้เราก็กลับมาพบกัน หลังจากที่ความรักผ่านพ้นไปเมื่อ 7 ปีก่อน

เจอแล้วกลับมึนๆ หม่นๆ ไม่รู้ว่าเศร้า หรือรู้สึกดีกับการได้พบเจอ หยิบเรื่องเก่าๆ มาคุย / บอกความรู้สึกที่ไม่เคยได้บอก / แลกเปลี่ยนรื่องราวช่วงที่เราไม่พบกัน และถามถึงแม่ของลูกที่เธอหย่าร้างไป

7 ปีมันเปลี่ยนแปลงชีวิตคนเราไปมากมายจริงๆ

เรารู้จักกันเมื่อตอนอายุ 16 และต่างเริ่มคบกันเป็นคนรักคนแรกของกันและกัน ผ่านมาถึงตอนนี้ (วัยเฉียด 30) เธอบอกว่า เราไม่น่าเจอกันเร็วเกินไปเลย แม้ความรักตอนนั้น จะเป็นความรักที่น่าประทับใจ เพราะเป็นรักแบบใสๆ จริงใจ แต่เธอยังไม่รู้วิธีที่จะรักษามัน ความรักเราเลยจบลง เหลือแค่เพียงความทรงจำเลือนๆ---ฟังแล้วก็ชอบใจดี เพราะโดยมากจะเคยได้ยินแต่ว่า เราไม่น่าเจอกันช้าเกินไปเลย แต่เธอกลับบอกว่าเราเจอกันเร็วไป

ยังไง เราก็ไม่อยากจะเจอเธอช้าไปกว่าตอนนั้นที่เราเจอ และรักกันแฮะ เพราะมาเจอกันตอนนี้ อะไรๆ มันก็คงไม่ได้เป็นไปอย่างที่มันได้เกิดน่ะซี อะไรดีๆ ที่มันเคยมีอาจไม่ได้เกิด ไม่มีอะไรสักอย่างที่เราอยากย้อนกลับไปแก้ไข

---คิดว่าดีใจนะ ที่วันนี้เราได้กลับมาเจอกัน อย่างน้อยทำให้เราได้มองเห็นและสัมผัสส่วนหนึ่งของเราที่เรียกว่า-ความรัก-ยังคงเหลืออยู่ในตัวตนของเราอยู่บ้าง หลงเชื่อไปแล้วว่ามันไม่มีเหลืออยู่ ตั้งแต่ความรักหนก่อนได้จบลง ไม่คิดว่าจะยังรู้สึกรักได้อีก แต่พอเจอกับเธอ–คนสำคัญในวันเก่าๆ ของเรา หลังจากที่ชั่งใจอยู่สักพัก ก็กล้าสรุปกับตัวเองว่า ก็ยังตกหลุมรักเธอได้อีกหน แม้มันไม่ใช่แบบที่เคยเป็น

Krafty

ในที่สุด ก็เจียดเวลาทำงานตอนราวๆ สองทุ่มมาเปิดบลอกของตัวเองจนได้ แบบว่าทำตามเพื่อนๆ ยังไม่ค่อยจะแน่ใจเลยว่าจะเพียรเขียนบันทึกออนไลน์แบบนี้ไปได้นานๆ ป่าว แล้วจะเขียนเรื่องไรดีนะ แต่ก็แบบว่าตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องที่คนอ่านไม่รู้สึกเสียเวลาที่เข้ามาอ่านอ่ะ



ขอลองโพสท์รูปเล่นๆดูหน่อยนะ เป็นรูปของเลอะๆ บนโตีะทำงานเรา ที่นั่งพิมพ์ต๊อกๆ แต๊กๆ (และเหลือบดูละคร "นางบาป" ไปด้วย)
ลองดูก่อน เดี๋ยวมาเขียนใหม่

Matching Moms and Babies

Lately, so many close friends have delivered cutie neace and neaphews to me. I have heard good news almost every month since September. it's kind of fun (and weird at the same time) knowing that people at my age have become moms. Im not ready yet though. However, i dont see, in the next 5 years, how/ when i can be a mom or even get married. ho ho ho.

Anyway, let's play a matching game. Direction is easy, just guess who're babies' moms.

Let's first know these mom, they're all my friends, i repeat.



Mom no.1 : This is my very old old friend. I have known her since i was 7. Her name is Dao and she's an engineer, so is her husband. Aha! Guess who has engineer parents!!


Mom No.2 : The cutie mom. Her name is Ying. I knew her when i was a freshman in Nitade. Many guys dreamed of her, but after all she fell in love with her Granny Rahad (ปู่รหัส), who now owns many business. Her baby got a big big gift at the first day of its life. Guess who has a pretty mom like Ying.


Mom no3 : British Mom. Her name is Lucy, my ex art director from the previous office. She travels a lot and maybe has been in every interesting countries. She knows Thailand better than me because she went through the land. She even was at Koh Lanta when the Tsunami happened (and i think her baby was conceived at the time.) Now she's on Romania. See? She's a real traveller. Guess which baby is in Romania now.


Mom No. 4 : Moji mom. Oh is the friend from Nitade too. She never had a BF till she met her husband. After marrying him she had to move to Nakorn Sawan to manage her husband's Moji factory. It's been 3 years now. She's happy there. Guess who is "Charlie and the Moji Factory".


Then, it's babies' turn.

Baby No. 1 Tammy (not a real name, i make it sound sweeter..he he)


Baby No. 2 : Puri Puri. Sounds like Prui, huh?


Baby No. 3 : Tinkle Bell (ofcourse, i made it sounds fairy tale.)


Baby No 4 : Little Tin Tin. Their parents really name it like this. Isnt it cute?? It's a hairy baby. So cute. I loved it at first sight!


Okie okie...enjoy matching moms and babies. I will let you know later about their real names and their real moms. Let me know who's your favourite : )

Krafty 2

เออน่ารักดีว่ะ ง่ายจริงๆ ด้วย
ชักติดใจแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องจะเขียน เอาเป็นว่า โพสท์รูปเพิ่มละกัน อิๆ



รูปพระจันทร์เสี้ยว ที่เมกา พระจันทร์คว่ำ-หงาย หรือแหว่ง ซ้าย-ขวา กันอ่ะ



รูปท้องฟ้าถ่ายจากออฟฟิส เฮ้ออ ทำไมชีวิตฉันอยู่ในออฟฟิสนานเหลือ ไปแล้วดีกว่า